จะมีรักแท้ในเพศที่ 3 ไหมครับ ?” “หนูคบกับผู้หญิงด้วยกัน ทำยังไงให้ครอบครัวและสังคมยอมรับคะ ?” ช่วงหลังๆ คำถามประเภทนี้ได้ยินกันถี่เหลือเกิน...
รักแท้น่ะมี แต่บางทีก็ไม่ได้เกิดกับเรา ถามว่าจะเกิดกับใครก็ไม่มีคำตอบที่แน่นอนอยู่ดี โลกนี้ไม่ได้อนุญาตให้เรารู้อะไรล่วงหน้าก่อนทั้งนั้น ต่อให้เป็นหมอดูที่ใครๆ เขาว่าแม่น แม้แต่เครื่องมืออันทันสมัยที่ใครๆ บอกว่าพยากรณ์ดินฟ้าอากาศได้ไม่พลาด ก็เห็นว่าบางโอกาส ไม่ได้เป็นอย่างที่พยากรณ์กันเอาไว้ก็มี
รักจะแท้ไหม บางทีต้องดูกันไกลถึงวันสุดท้ายของชีวิต วันที่ลมหายใจรวยริน ฉันยังเห็นเธออยู่ใกล้ๆ ไม่เคยนอกใจทำร้ายหัวใจฉันซักนิดเดียว บางคู่ รักและดูแลกัน หมดอายุขัยเท่านั้นที่รักจะพรากจากเรา พอจัดงานศพ อ้าว !! ลูกเต้าเหล่าใครมานั่งร้องไห้กระจองอแง ที่แท้เธอแอบมีบ้านใหญ่ บ้านเล็ก ซ่อนไว้ซะเงียบเชียบ วันนี้ที่ร้องไห้เสียใจ เลยไม่รู้ว่าระหว่างเธอจากไป กับเพิ่งรู้ว่าเธอนอกใจ อันไหนเศร้ากว่า ช่างมันเถอะค่ะ รักจะแท้หรือไม่แท้ ที่แน่ๆ คือดูแลรักที่เรามีให้เป็นรักที่ดีที่สุดก็แล้วกัน รักแท้ไม่ได้อยู่ที่เราเป็นเพศไหน แต่อยู่ที่รักกับใคร เรื่องที่อาจลำบากใจก็คือ พอเป็นเพศที่ 3 การยอมรับจากคนที่บ้าน อาจจะไม่ได้ราบรื่น ชื่นหัวใจอย่างที่เราอยากได้ ยังเคยตอบไปว่า ก็รักกันไป แบบที่ยังไม่ต้องบอกใครไม่ได้หรือ บางคนเพิ่งคบกัน กลับอยากแถลงข่าวเปิดตัวกับที่บ้านซะแล้ว เดี๋ยวๆๆๆ ไปรักกันให้มั่นคงมั่นใจก่อนไหม ถ้ารักกันไป ต่างฝ่ายต่างดูแลหัวใจ ชักนำกันไปทำแต่สิ่งที่ดี พ่อแม่เห็นลูกคบเพื่อนคนนี้ มีแต่เรื่องดีๆ ทำแต่สิ่งดีๆ บางทีข้างหน้า ท่านอาจทำใจได้ว่า ไม่ว่าจะเพศไหน แค่ขอให้เขาเป็นคนดี และดูแลลูกเราดีๆ ก็พอแล้ว เพราะทุกวันนี้สิ่งที่เห็นกันคือ ต่อให้เป็นชายจริงหญิงแท้ ก็ใช่ว่าความรักจะแย่ไม่ได้
ต่อให้เกิดมาอยู่บนผิวโลกนานขนาดไหน แต่ไม่มีใครรู้จักโลกนี้ดีที่สุด โลกหมุนไปทุกวัน ยังมีเรื่องอัศจรรย์ใจให้ได้เรียนรู้อยู่เรื่อยๆ อะไรก็เกิดขึ้นได้บนโลกกลมๆ ใบนี้… น้องคนหนึ่งส่งเมล์มาเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟัง
“เคยได้ยินนิยามของคำว่า 'ทอมกลับใจ' ไหมคะ ยอมรับว่าตอนแรก ไม่ค่อยชอบคำนี้ซักเท่าไหร่ แต่จริงๆ มันคือการรู้ใจตัวเองว่าเราต้องการแบบไหนกันแน่ ฉันอยากเป็นคนที่ได้รับการดูแล มากกว่าดูแลคนอื่น อยากเป็นคนที่ถูกเข้าใจ มากกว่าจะพยายามเข้าใจคนอื่น แต่ก่อนคบผู้หญิง มันเหนื่อยที่ต้องทำเป็นเข้มแข็งเพื่อดูแลเขา ทั้งๆ ที่ใจเราก็อ่อนแอและอ่อนไหวมากๆ เหมือนกัน จนเริ่มไม่แน่ใจว่า หรือเราไม่เคยเป็นฝ่ายได้รับ เมื่อวันหนึ่งที่เราได้รับ เลยรู้สึกดีมากๆ ว่าคือเขานี่แหละ ที่มาเติมเต็มทุกสิ่งที่เราขาดหายไป
ผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาในชีวิต เขาเป็นเพื่อนของเพื่อนค่ะ เจอกันที่เทศกาลดนตรีแห่งหนึ่ง ตอนแรกยังไม่คิดอะไร และยังเด็กกันมากๆ ทั้งคู่ ประมาณ ม.3 ได้…พอ ม.4 เจอกันอีกทีที่สงกรานต์สีลม หลังจากนั้นก็แอด MSN ไป ตามประสาเพื่อนที่เคยเที่ยวด้วยกัน เพื่อถามว่า ปีนี้ไปอีกไหม เมื่อไหร่อะไรยังไง ประมานนี้ พอเราคุยกันทุกวัน ก็เริ่มมีความรู้สึกสนุกและมีความสุขมากๆ จนเริ่มเกิดความรู้สึกแปลกๆ บางอย่างขึ้น ไม่แน่ใจว่า เหงา หรือแค่หวั่นไหว เขาโทรมาบอกว่า ไม่ได้คิดกับเราแค่เพื่อน ตอนนั้นอึ้งไปสักพัก เราไม่ได้ชอบผู้ชาย ตกใจมาก แต่ด้วยความที่เป็นเพื่อนและเขาก็ทำให้เรารู้สึกดี จึงรักษาน้ำใจ คุยกับเขาต่อ
เขาบอกว่าเขามั่นใจ เขาแน่ใจ เขาทำทุกวิถีทางให้เรารู้สึกดีกับเขา และยอมรับความรู้สึกที่เขามี ทุกๆ ครั้งที่เจอกัน เขาจะมาถามว่ากี่เปอร์เซ็นต์แล้ว? เราเพิ่มให้ทีละ 10 จนเกิดความสงสัยว่า ถ้าครบ 100 จะเกิดอะไรขึ้น เขาก็ตอบกลับมาว่า ก็เป็นแฟนกันไง มันไม่ง่ายขนาดนั้นน่ะสิ เพราะเราต้องเริ่มต้นใหม่หมดกับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ ฉันถามเขาทุกวันว่าแน่ใจแล้วหรือ เราเป็นแบบนี้ แต่งตัวแมนๆ เหมือนกัน เดินด้วยกัน แกอาย และแกรับได้รึเปล่า? เขากลับไม่สนใจสายตาคนรอบข้าง เขาเคยพูดว่า ความจริงแกไม่ใช่ทอมหร็อก ฉันดูแกออก แกแค่แต่งตัวแบบนั้น นิสัยแกผู้หญิงมาก เขายังคงทำให้เราเชื่อใจต่อไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่ง วันที่ให้ใจเขาไป 100% และพร้อมเปลี่ยนแปลงตัวเองทุกอย่างโดยไม่แคร์สายตาคนรอบข้าง แต่วันนั้น เขากลับเป็นคนที่เปลี่ยนไป!! โดยที่ไม่รู้ว่าทำอะไรผิด และเขาเปลี่ยนแปลงไปเพราะอะไร หรือเข้ามาเพราะรู้สึกท้าทายอะไรบางอย่าง
2-3 วันที่เขาไม่โทรมา ทรมานมาก ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลย จนวันที่ 4 ทนไม่ไหว เลยโทรไปเพื่อถามความแน่ใจ เขารับช้ามาก ทำน้ำเสียงเหมือนกลบเกลื่อนและรู้สึกผิดอะไรบางอย่าง แค่นั้นก็รู้แล้ว เวลาสั้นๆ อาจไม่ต้องไปฝังใจอะไรมาก แต่สำหรับฉัน กับความรักครั้งเดียว ที่ทำให้เปลี่ยนแปลงตัวเองขนาดนี้ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อ ฉันหลงรักผู้ชายไปแล้ว ฉันคงไม่ใช่ทอม...ฉันไม่สามารถเดินตามทางเดิมได้ แล้วไหนจะผู้หญิงที่ฉันต้องไปเคลียร์อีก จนวันหนึ่ง รู้ว่าเขาไปคุย ไปคบกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง รู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก ไม่มีน้ำตาให้เสียแล้ว เลยตัดสินใจเลิกติดต่อกับเขาในทุกทาง แค่ส่งข้อความไปบอกว่า
'ขอโทษนะ เราคิดว่าเรากลับไปเป็นเพื่อนกับแกไม่ได้ เราทนไม่ได้ ถ้าเห็นแกรักใครใหม่ ไว้ให้ฉันทำใจได้เมื่อไหร่ แล้วเราจะกลับมาเป็นเพื่อนกัน'
ทุกวันนี้กลัวผู้ชายไปเลยค่ะ ไม่กล้าเข้าใกล้ ทั้งๆ ที่ก็เป็นผู้หญิงแล้ว หลายครั้งที่สับสนว่ามันคืออะไรกันแน่ มีคนเข้ามาแต่ไม่เปิดใจ เพราะทำตัวไม่ถูก มันกลัวจริงๆ”
เวลารักใคร เราไม่ได้รักที่เขาเป็นเพศตรงข้ามกับเรา หรือเป็นเพศเดียวกับเรา เรารัก ชื่นใจ อุ่นใจที่ได้อยู่ใกล้ๆ ใคร คนนั้นต่างหาก มีหลายคนที่เคยตกใจ ฉันรักผู้ชายมาครึ่งค่อนชีวิต อยู่ๆ ทำไมมาแพ้ใจกับผู้หญิงด้วยกัน บางคนแต่งงานกับภรรยามาเป็น 10 ปี อยู่ดีๆ กลับไปคบกิ๊กใหม่เป็นผู้ชาย ทั้งเสียใจ รู้สึกผิดกับภรรยา และสิ่งที่ยากหนักหนาคือ รับไม่ได้ ที่ตัวเองกลับชอบผู้ชายด้วยกัน มันเกิดขึ้นกันได้ค่ะ...
สิ่งที่ฝังอยู่ในใจน้องตอนนี้ คือเรายอมเป็นทอมกลับใจ ทำไมยังมาทิ้งกันไปอีก น้องคิดว่านี่คือการลงทุนครั้งยิ่งใหญ่ แล้วทำไมถึงกลายมาเป็นแบบนี้...การมีความรัก ทำให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้น เขาก็แค่คนที่ทำให้เราเลิกเข้าใจผิดในตัวเอง น้องไม่ได้ทรานส์ฟอร์เมอร์ หรือกลายร่าง กลายพันธุ์ เราแค่เจอคนที่คิดว่าจะรักกัน แต่กลายเป็นฉันที่รักเธอฝ่ายเดียว มันก็แค่ 1 เหตุการณ์อกหักในชีวิตที่ใครๆ ก็เคยเป็น มาจีบ มาทำให้รัก มายุให้อยากแล้วจากไป มาทำให้เรามีใจ แล้วสุดท้ายเหมือนจะบอกว่าที่ผ่านมาไม่คิดอะไร เราแค่มาเจอคนที่ไม่รับผิดชอบความรู้สึกของกันและกัน เขาไม่รัก เรายิ่งต้องรักตัวเองนะน้อง เขาไม่ได้ทำให้เราหมดคุณค่า หรือสูญเสียความมั่นใจ เรายังคงเป็นตัวเรา รักได้ร้องไห้เป็น เจ็บ เศร้า เหงา อ่อนแอ แล้วก็พบว่า เดี๋ยวเรื่องแย่ๆ มันก็ผ่านไป
ทุกอย่างคือบทเรียนจ้ะ จะเป็นเพศไหน หัวใจเราก็เปราะบางไม่ต่างกัน เจอคนที่รัก เราก็อยากดูแล เจอคนที่แย่ เราก็แค่กลับมาดูแลตัวเอง อดีตเศร้า เราก็ต้องทำปัจจุบันดีๆ อนาคตข้างหน้ายังมี เขาไม่ใช่คนเดียวบนโลกใบนี้ที่มาเปลี่ยนแปลงชีวิต ขอบคุณเขาเถอะ เขาทำให้เรารู้ว่า ที่ไหนมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ แต่ที่เรายอมทุกข์ เพราะมันมีความสุขซ่อนอยู่ในนั้น และจะว่าไป เขาทำให้เรารู้จักบางมุม ที่เราไม่เคยค้นเจอจนได้มาเจอกับเธอนั่นแหละ
น้ำตาไหล ก็ร้องไห้ พอยิ้มได้ก็เดินหน้าต่อไป หากครั้งหน้าไปเจอใคร จะเป็นเพศไหน ก็ดูใจกันนานๆ การกลัวอาจเป็นเรื่องดี บางทีเหมือนได้แตะเบรก หรือสร้างกำแพงป้องกันหัวใจ ถ้าวันหนึ่งเจอใครที่เรารู้สึกว่าใช่จริงๆ ชอบจริงๆ สิ่งแรกที่คิดจะทำคือ เราจะพังกำแพงของตัวเองอย่างอัตโนมัติ พอดูใจกันไป คบกันไปแล้วยังไปเจอคนใจร้าย สุดท้ายเราก็รอดมาได้อยู่ดี ครั้งที่แล้วลุกยังไง ตอนนี้ถ้าล้มไป เราก็ลุกขึ้นมาใหม่ให้ได้คล้ายๆ เดิม มันเท่านั้นเอง.
ในสังคมไทยของเรานั้น ตั้งแต่ไหนแต่ไรมารวมเรียกคนที่มีบทบาททางเพศผิดปกติ หรือเบี่ยงเบนไปจากปกติว่าเป็นกะเยไปหมด โดยหารู้ไม่ว่าบุคคลที่มีบทบาททางเพศเบี่ยงเบนไปนั้น มีมากมายหลายประเภท แต่เรามักเรียกว่าเป็นกะเทยกันหมด
คนที่มีบทบาททางเพศเบี่ยงเบนมีกี่ประเภทกันแน่
มี 6 ประเภทดังนี้
1. กะเทย (HERMAPRODITE)
2. ลักเพศ (TRANSVESTITE)
3. เปลี่ยนเพศ (TRANSSEXUAL)
4. รักต่างเพศ (HERTEROSEXUAL)
5. รวมเพศ (BISEXUAL)
6. รักร่วมเพศ (HOMOSEXUAL)
1. กะเทย
ทางการแพทย์เรียกเฉพาะคนที่มีความผิดปกติทางร่างกายจริงๆ ตั้งแต่กำเนิด มีลักษณะทางเพศคือ อวัยวะเพศหญิงและชายก้ำกึ่งกำกวมอยู่ในตัวคนเดียวกัน บอกไม่ได้ว่าเป็นหญิงหรือชายกันแน่ทางกายภาพ
ชาวบ้านมักเรียกผลไม้ที่มีเม็ดลีบว่ากะเทย เช่น ลำไยกะเทย คือลำไยที่มีเม็ดลีบมากๆเอาไปปลูกไม่ได้แล้ว
กะเทยจริงๆคือ คนที่มีความผิดปกติทางเพศในตัวอย่างชัดเจนก้ำกึ่งกัน เป็นหญิงก็ไม่ใช่ เป็นชายก็ไม่เชิง เป็นความผิดปกติทางกาย มีเต้านม มีอวัยวะเพศคล้ายๆผู้หญิง แต่ถ้าดูกันให้ชัดเจนจะเห็นมีองคชาตแต่นิดเดียว ความจริงแล้วเป็นช่องคลอด ถุงอัณฑะ ซึ่งจริงๆก็ไม่ใช่ถุงอัณฑะ แต่เป็นแคมนอกแล้วก็มีแคมใน
เช่น เมื่อไม่นานมานี้ที่อีสานมีหนุ่มอยู่รายหนึ่ง ปวดท้องทุกเดือนๆ ปวดจนดิ้นเลย หมอรักษาเท่าไรก็ไม่หาย ตรวจเท่าไรก็ไม่พบ จนสุดท้ายหมอตัดสินใจผ่าท้องดู พอเปิดหน้าท้องก็พบว่ามีมดลูกอันใหญ่ เพราะฉะนั้นทุกเดือนมดลูกจะขับประจำเดือนออกมา แต่ไม่มีทางออกมาภายนอกเหมือนผู้หญิงทำให้ตกอยู่ในช่องท้อง เดือนหนึ่งก็ปวดครั้งหนึ่ง การรักษาโดยการผ่าตัดเอามดลูกออกก็ทำให้เป็นชาย 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะร่างกายภายนอกเป็นชายทุกอย่าง
2. ลักเพศ
หมายถึง คนที่เกิดมาทางกายภาพเป็นชาย 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นหญิง 100 เปอร์เซ็นต์
เป็นผู้ชายก็มีองคชาต มีลูกอัณฑะ มีฮอร์โมนเพศครบถ้วน
เป็นผู้หญิงก็มีอวัยวะต่างๆของหญิงครบถ้วน
คนกลุ่มนี้มีรสนิยมทางเพศแปลก คือ จะมีความสุขทางเพศเกิดขึ้นจากการที่ได้สวมใส่เสื้อผ้าเครื่องใช้ของเพศตรงข้ามกับเพศธรรมชาติของตนเอง เช่น เป็นชายก็จะเอาเสื้อผ้าเครื่องใช้ของหญิงมาใส่ การได้ทำอย่างนั้นจะเกิดความรู้สึกตื่นเต้นมีความสุขทางเพศขึ้นมา
ใครที่เคยไปดูโชว์ที่พัทยา คนไทยมักเรียกกันผิดๆว่าเป็นโชว์กะเทย ความจริงถ้าจะเรียกกันให้ถูกต้องคือ โชว์ลักเพศ อย่างพวกเด็กหนุ่มๆหน้าตาดีๆ เต้นกินรำกินอยู่ที่อัลคาซาร์ ทิฟฟานี หรือไซมอน ไม่ใช่เป็นเกย์ทุกคน มีจำนวนหนึ่งที่เป็นลักเพศ หลายๆคนมีเมียมีลูก ตอนกลางวันอยู่กับเมียกับลูก ทุกอย่างเหมือนผู้ชายธรรมดาทั่วไป แต่พอเย็นลงได้เวลาก็ไปแสดงบนเวที ระหว่างที่เขาแสดงเขามีความสุข มีความตื่นเต้นทางเพศเกิดขึ้น ไม่ได้เป็นรักร่วมเพศเสมอไป
เวลามีเด็กจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะนักเรียนชายตามโรงเรียนดีๆทั้งหลายในกรุงเทพฯจำนวนมากทีเดียว จะมีเด็กกลุ่มหนึ่งเวลาว่างหรือเย็นวันศุกร์จะรวมกลุ่มกันแต่งหน้าทาปากซะหรูหราเลย เดินกันเป็นกลุ่มไปเที่ยวตามบาร์ต่างๆที่พวกเด็กชอบเที่ยวกัน
พวกนี้อาจจะยังไม่ได้เป็นรักร่วมเพศ แต่เป็นแค่ลักเพศเท่านั้น แต่ถ้าพ่อแม่หรือผู้ปกครองไม่เข้าใจ จับใส่ตะกร้าเกย์หมด การช่วยเหลือจะผิดไปมากเลย
3. เปลี่ยนเพศ
คนพวกนี้เกิดมาเป็นชาย 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นหญิง 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีความผิดปกติทางร่างกายเลยแม้แต่นิดเดียว ฮอร์โมนปกติทุกอย่าง เพียงแต่เขามักจะบอกว่าเป็นอุบัติเหตุของพระเจ้าจริงๆที่ส่งเขาซึ่งมีวิญญาณมีชีวิตจิตใจเป็นหญิงมาเกิดบนร่างชาย หรือส่งเขาซึ่งมีวิญญาณที่เป็นชายมาเกิดบนร่างของผู้หญิง พูดง่ายๆคือจิตใจวิญญาณบางครั้งตรงกันข้ามกับเพศธรรมชาติของเขา พวกนี้จะทำทุกอย่างเพื่อเปลี่ยนเพศให้ได้
สมมติ ถ้าเกิดมาเป็นชายแต่จิตใจเป็นหญิง เขาอาจจะอายองคชาตของเขาที่สุด มีหลายๆรายตั้งแต่เล็กจะเอาองคชาติหนีบไว้ในง่ามก้นและเอาสก็อตเทปติดไว้จนแน่น อัณฑะก็หนีบเอาไว้ และพวกนี้จะทำทุกอย่างเพื่อผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะเพศธรรมชาติธรรมชาติของตัวเองออกไป แล้วอยากจะให้ตกแต่งดูคล้ายกับเพศที่จิตใจของเขาเป็นมากขึ้น
พวกนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นรักร่วมเพศเสมอไป
ไม่จำเป็นต้องเป็นลักเพศเสมอไป
แต่เพียงเพราะวิญญาณของเขาเป็นหญิงพอผ่าตัดเสร็จพวกนี้แต่งตัวตามจิตใจของเขา เล่นบทบาททางเพศตามจิตใจของเขา โดยเนื้อแท้ไม่มีความสุขทางเพศโดยได้แต่งตัวเป็นหญิง หรือไม่มีความสุขทางเพศจากการได้สมสู่กับคนเพศเดียวกัน เพราะการสมสู่กับคนเพศเดียวกันนั้นเป็นเพียงผลิตผลที่ตามมาไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ
การผ่าตัดเปลี่ยนเพศศัลยแพทย์ต้องส่งมาให้จิตแพทย์ และจิตแพทย์ต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์แต่ละคนไม่ใช่ง่ายนะครับ บางรายต้องเชิญพ่อแม่มา หรือขอดูอัลบั้มรูปตอนเด็กๆจะได้ดูการพัฒนาการทางเพศของเขาตั้งแต่เล็กเป็นมาอย่างไร ใช้เวลาเป็นเดือน เป็นปี กว่าจะรู้ว่าเขาเป็นพวกเปลี่ยนเพศ ไม่ใช่เป็นลักเพศหรือรักร่วมเพศ
ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะผ่าตัดเปลี่ยนเพศให้ทุกราย มีพวกเปลี่ยนเพศกลุ่มหนึ่งเท่านั้นเองที่การผ่าตัดเปลี่ยนเพศจะช่วยทำให้ชีวิตเขาดีขึ้น จิตแพทย์จะต้องพิจารณาต่อไปว่าลองดูบทบาททางเพศของเขาก่อน บางทีถึงจะเป็นหญิง 70-80% แต่ไม่กล้าสวมบทบาทเป็นหญิง 100 เปอร์เซ็นต์ ทุกอย่าง
ต้องมีการให้ใช้ชีวิตเหมือนผู้หญิง 100 เปอร์เซ็นต์ ทุกอย่าง แล้วกลับมาดูซิว่าการใช้ชีวิตแบบนั้นจะมีปัญหาอะไร จนสุดท้ายเห็นว่าเขาเป็นหญิงได้ จะมีความสุขได้จากการผ่าตัดเปลี่ยนเพศ จิตแพทย์ถึงจะเซ็นชื่ออนุญาตให้ผ่าตัดได้
จิตแพทย์เท่านั้นที่จะเซ็นชื่ออนุญาตให้ผ่าตัดได้ ถ้าพลาดไปแล้วชีวิตคนทั้งชีวิต ของเก่าดีๆไปทำให้เสียมันทารุณนะครับ
ผ่าตัดเปลี่ยนเพศแล้วไม่ใช่ทุกรายที่มีความสุข เสียเวลาทั้งหมอและคนไข้
4. รักต่างเพศ
คนปกติหรือสัตว์ปกติเป็นรักต่างเพศ ถ้าเป็นชายก็รักหญิง โดยสัญชาตญาณแล้ว คือรักคนที่เป็นเพศตรงข้ามกับเรา
5. รวมเพศ
เป็นรัก 2 เพศ คือรักได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เรียกได้ว่าได้ทั้งกระแสตรงและกระแสสลับ มีมากกว่าพวกรักร่วมเพศเสียอีก ในสังคมไทยมีมากแต่งงานมีลูกแล้วมีชีวิตรักส่วนตัวชอบไม้ป่าเดียวกัน ชายที่เป็นรัก 2 เพศก็เยอะ หญิงที่เป็นรัก 2 เพศก็มาก พวกนี้ฟังดูเหมือนได้เปรียบคนอื่นเขา แต่จะมีพฤติกรรมทางเพศเด่นไปทางใดทางหนึ่งจะเป็นชนิด 50:50 ไม่ค่อยมี
6. รักร่วมเพศ
หมายถึง คนที่มีความสุขทางเพศกับคนที่เป็นเพศเดียวกับตนเอง ถ้าเกิดมาเป็นชายก็ชาย 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าจะร่างกาย จิตใจ อวัยวะเพศ เป็นหญิงก็ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ว่าจะเกิดความสุขความพอใจทางเพศกับคนที่เป็นเพศเดียวกัน
ถ้าเป็นชายรักกับชาย เรียกว่ารักร่วมเพศชาย
ถ้าเป็นหญิงรักกับหญิง เรียกว่ารักร่วมเพศหญิง
รักร่วมเพศชายส่วนมากเรียกว่า เกย์ (GAY) ระยะหลัง 4-5 ปีที่ผ่านมามีคำว่า ตุ๊ด เข้ามาเกี่ยวข้อง (เมื่อก่อนเรียกเกย์) บางคนบอกว่าตุ๊ดต้นศัพท์คงจะมาจาก ตูด แต่ความจริงมาจากศัพท์ว่า ทุซซี่ ชื่อหนังเรื่องหนึ่งที่เข้ามาฉายในเมืองไทย หลังจากนั้นมาชาวเกย์ทั้งหลายก็เรียกคนที่ออกไปทางผู้หญิงหน่อย หรือเกย์ควีนว่า ตุ๊ด
เกย์แบ่งออกเป็น 2 จำพวกคือ เกย์คิงและเกย์ควีน
เกย์คิง หมายถึง คนที่เป็นเกย์ชาย แต่ว่าลักษณะข้างนอกก็บอกไม่ได้ หลายๆคนเห็นลักษณะภายนอกแล้วตัดสินว่าใครเป็นเกย์คิง เกย์ควีนไม่ได้ หลายๆคนเห็นลักษณะภายนอกแล้วตัดสินว่าใครเป็นเกย์คิง เกย์ควีน บอกได้บ้างแต่ไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ การตัดสินว่าใครเป็นเกย์คิง เกย์ควีน อยู่ที่พฤติกรรมทางเพศ ใช้บทบาททางเพศในการแบ่ง
มีการพูดกันเสมอว่าเกย์คิงคงจะจีบเกย์ควีน ตรงกันข้ามเลย ทั้งเกย์คิงและเกย์ควีนจะเกลียดซึ่งกันและกัน จะมีมีโอกาสเห็นเกย์คิงและเกย์ควีนไปด้วยกัน แต่ทั้งเกย์คิงและเกย์ควีนจะแข่งกันจีบผู้ชายดีๆ ผู้ชายที่เป็นผู้ชาย 100 เปอร์เซ็นต์ บุคลิกดี สง่า หล่อเหลา เป็นที่ต้องตาต้องใจของทั้งเกย์คิงและเกย์ควีนมากขึ้น
เราจะใช้ลักษณะภายนอกตัดสินว่าใครเป็นเกย์ไม่ได้ คนในสังคมไทยหลายๆคนที่เป็นผู้ชายทั้งแท่งเลย สง่า มีงานที่มั่นคง แต่ชีวิตส่วนตัวอาจจะเป็นเกย์คิง หรือเกย์ควีนก็ได้
ตรงกันข้าม บางคนดูเผินๆว่าเป็นเกย์ เดินกระตุ้งกระติ้งจริงๆแล้วไม่ได้เป็นเกย์หรอก เพราะฉะนั้นอย่าด่วนตัดสินลงไปด้วยลักษณะภายนอกเป็นอันขาด คนที่ท่านไม่เคยคิดว่าเป็นเกย์อาจจะเป็นเกย์ก็ได้
สัญลักษณ์ของเกย์มีหลายชนิด สื่อกันได้ต่างๆ ตั้งแต่สัญลักษณ์มือ เสื้อผ้า ผ้าเช็ดหน้า เกย์ทั้งหลายเขาจะสื่อกันได้ มีสัญญาณที่จะบอกว่าเขาชอบลักษณะไหน เพื่อที่จะจับคู่กันได้ทันทีไม่ต้องเสียเวลาคุยกันนาน
รักร่วมเพศหญิงหรือเลสเบี้ยนมาจากคำว่า เลสโบ เป็นชื่อเกาะๆหนึ่งในประเทศกรีก เจ้าผู้ครองเกาะมีลูกสาวสวยชื่อแซฟโฟร เป็นกวีเอกของกรีกและเป็นรักร่วมเพศหญิง
บทกวีนิพนธ์ของแซฟโฟรบรรยายความรักระหว่างหญิงต่อหญิงด้วยกัน ชาวกรีกอ่านกวีนิพนธ์ของแซฟโฟรบ่อยๆ ก็เลยนึกว่าคนบนเกาะเลสโบคงจะทำอย่างนี้กันหมดก็เลยเรียกคนที่มีบทบาททางเพศแบบรักร่วมเพศหญิงว่า เลสเบี้ยน ทำเหมือนกับพวกชาวเกาะเลสโบ
เมืองไทยเมื่อก่อนนี้ก็เรียกว่าเลสเบี้ยนมาตลอด แต่ต่อมาระยะไม่ถึง 10 ปี ได้เปลี่ยนมาเรียกกันว่าทอม และปัจจุบันนี้ทอมกับดี้มีค่อนข้างมากในสังคมไทย
พ่อแม่จะเลี้ยงลูกกันอย่างไรนั้นสำคัญน้อยกว่าพ่อแม่ปฏิบัติต่อกันอย่างไร
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.เสรี วงษ์มณฑา
คณบดีคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ที่มา: ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.เสรี วงษ์มณฑา
คณบดีคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์